ทักทายชาว Kreative Friends ทุกคนอีกครั้ง!
สำหรับครั้งนี้เราจะมาแนะนำโปรแกรมวาดรูปที่นักวาดส่วนใหญ่เลือกใช้กัน ซึ่งโปรแกรมที่เราจะมานำเสนอจะเหมาะกับงานแบบไหน มีค่าใช้จ่ายไหม มีข้อดีข้อเสียยังไงบ้าง เคพีได้จัดข้อมูลมาให้แบบแน่น ๆ แล้ว ไม่รอช้า ไปดูกันเล้ย!!
Adobe Photoshop
โปรแกรมที่ใคร ๆ ก็คุ้นหน้าคุ้นตากันดี เรียกว่าเป็น 1 ในโปรแกรมเจ้าพ่อทุกสถาบัน ตระกูล Adobe ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นตระกูลที่มีครบครันทุกฟังก์ชั่น ทุกการใช้งาน สามารถใช้งานในเชิงกราฟิก และศิลปะได้แทบจะทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อ การปรับแต่ง การวาดภาพ การจัดหน้า ใส่ตัวอักษร ฯลฯ อีกมากมาย แต่เพราะอย่างนั้น จึงทำให้ตัวโปรแกรมมีความหนักเครื่องมาก ๆ และอาจไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการจะใช้งานเพียงด้านเดียวและสเปคเครื่องรองรับไม่ไหว ในด้านของการวาดภาพ Photoshop สามารถปรับแต่ง Brush ได้อย่างอิสระและสวยงาม และสามารถหาโหลด Brush ที่คนอื่นสร้างไว้ได้ง่ายเช่นกัน แต่อาจจะมีความซับซ้อน และเครื่องมือที่ช่วยในการวาดและลงสีได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายนั้นก็มีน้อยกว่าโปรแกรมอื่น ๆ ในปัจจุบัน ในแง่ของการปรับแต่งรูป แสงเงาต่าง ๆ Photoshop ถือว่าสามารถทำได้ละเอียดที่สุด จึงเป็นโปรแกรมที่เหล่านักวาดแนะนำในการวาดฉากหลัง หรือตกแต่งภาพรวมของรูปในขั้นตอนสุดท้าย
และนี่คือหน้าตาของโปรแกรม สวยเรียบหรูเลยใช่ไหมล่า ><
สำหรับเพื่อน ๆ รุ่นใหม่อาจจะไม่เคยรู้มาก่อน แต่หารู้ไม่ว่า เมื่อก่อนโปรแกรมตระกูล Adobe เคยจัดอยู่ในหมวดหมู่ 1-time purchase (ซื้อ 1 ครั้งสามารถใช้ได้ตลอดชีพ) ด้วยนะเออ แต่เนื่องจากเทคโนโลยีในปัจจุบันมีการพัฒนาตลอดเวลา และการที่จะพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ใหม่และเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยได้เสมอ จำเป็นต้องใช้ทุนมหาศาล ทางผู้พัฒนา Adobe จึงได้มีการปรับให้โปรแกรมตระกูลนี้ทั้งหมด เป็นการชำระแบบรายเดือนและรายปี! ช่วงแรก ๆ ผู้ใช้อย่างเรา ๆ นี่ประท้วงสุดใจเลย เนื่องจากว่าเมื่อก่อนโปรแกรมเหล่านี้ก็มีราคาที่สูงอยู่แล้ว ยั๊งงงจะให้มาจ่ายรายเดือนรายปีไปอีก จนในที่สุด บทสรุปของการใช้งานโปรแกรมตระกูล Adobe นั้นออกมาว่า เพื่อน ๆ เนี่ย สามารถเลือกจ่ายรายเดือน/รายปี สำหรับ 1 โปรแกรม หรือจะเลือกชำระจ่าย Adobe Creative Cloud ที่ครอบคลุมทุกโปรแกรม ใช้ได้ทุกโปรแกรม ในราคาที่ถูกกว่าได้นั่นเอง! (อ้างอิงจากข้อมูลในปีปัจจุบัน 2022)
และนี่คือหน้าตาของ Creative Cloud นะ! ข้อดีคือ สามารถใช้ได้เกือบทุกโปรแกรมในตระกูล Adobe ในราคาที่ถูกกว่าซื้อแยก
เพื่อน ๆ คนไหนสนใจ อยากดูรายละเอียดและราคา โปรโมชั่นต่าง ๆ สามารถเข้าไปดูใน Official Website ของ Adobe ได้ที่นี่
2. Paint Tool SAI
Paint Tool SAI อีกหนึ่งโปรแกรมสุดฮิตที่ขึ้นชื่อในเรื่องความเบาสบาย(เครื่อง) และง่ายต่อการใช้งานไม่ว่าจะทั้งกับเมาส์หนู หรือเมาส์ปากกา เรียกได้ว่าเป็นโปรแกรมยืนพื้นที่ดีสำหรับผู้เริ่มต้น ไปจนถึงมืออาชีพเลยทีเดียว แม้ว่าฟังก์ชั่นจะไม่ละเอียดเท่า Photoshop และอัพเดตไม่บ่อยเท่า แต่ในแง่ของเครื่องมือที่ช่วยให้การวาดภาพ ง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น การตั้งค่า Brush ที่ง่ายและหลากหลาย การตั้งค่ากระดาษให้เป็นกระดาษสีน้ำ กระดาษสีเทียน ก็สามารถทำได้ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นที่ช่วยในการวาดเส้นโค้ง เส้นตรง การปรับขนาดเส้น ความหนา ความบาง ตามจุดต่างๆที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึงการสร้างไม้บรรทัดช่วยเขียนมุม Perspective ก็สามารถทำได้อีกด้วย สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 15xx - 2xxx บาท (ขึ้นอยู่กับค่าเงินในแต่ละวันด้วยน้า บางวันอาจจะได้มาในราคาที่ถูกก็ได้เช่นกันจ้า)
ปัจจุบันโปรแกรมนี้มีเวอร์ชั่น 2.0 ด้วย แต่หยุดพัฒนาไปสักพักแล้ว(ล่าสุดประมาณเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา) เนื่องจากมีโปรแกรมวาดรูปมากมายที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่แตกต่างกันไป ทว่า ถึงอย่างนั้นก็ยังมีผู้ใช้เก่าที่ยังคงรักและใช้งานโปรแกรมนี้อยู่เหมือนกัน! ถือว่าเป็นโปรแกรมวาดรูปที่ช่วยชีวิตนักวาดหลาย ๆ คนไว้เลยล่ะ!
หน้าของโปรแกรม Paint Tool SAI ดูสะอาดตา ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อนอย่างที่เคยเข้าใจเลยใช่รึเปล่า ><
เพื่อน ๆ คนไหนที่ริเริ่มวาดรูป อยากได้โปรแกรมที่เป็นมิตร(?)สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่นี่
3. Clip Studio Paint
จะไม่มีโปรแกรมนี้ได้ยังไง! Clip Studio Paint เป็นโปรแกรมวาดรูปมาแรง ที่นักวาดสาย Digital Painting หรือนักวาดภาพบนคอมพิวเตอร์ร้อยละ 90 ไม่มีใครไม่รู้จักโปรแกรมวาดรูปสุดเทพนี้ !! ด้วยตัวโปรแกรมที่มีความเบาเครื่องมากกว่า Photoshop แต่มีเครื่องมือที่ support ทั้งการวาดภาพ การวาดมังงะ และการทำ 2D Animation!! ม้ามืดของยุคนี้เชียวนะเออ จะเป็นทุกอย่างให้เธอ--
แต่ก่อนใช้ชื่อว่า Manga Studio ซึ่งจะเน้นไปที่ฟังก์ชั่นที่จะช่วยให้เราวาดการ์ตูนสไตล์มังงะได้สะดวกสบายมากขึ้น สำหรับเพื่อน ๆ ที่เป็นแฟนมังงะเนี่ย น่าจะเคยเห็น Process การทำการ์ตูนมังงะมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการตัดเส้น แปะสกรีนโทน อะไรต่าง ๆ ที่ทำให้เวลาในการทำงานนั้นนานมาก ๆ กว่าจะได้ 1 หน้า ทว่า หลังจากโปรแกรมนี้ปล่อยออกมาให้ได้ใช้งาน ผลตอบรับนั้นก็ดีเป็นเทน้ำเทท่า ทุกคนแทบจะพูดถึงความสุดยอดของโปรแกรมนี้แบบไม่หยุดหย่อนเลยทีเดียว
จนกระทั่งพัฒนามาเป็นโปรแกรม Clip Studio Paint ในปัจจุบันนี้นั่นเอง
หน้าตาของโปรแกรมมีความคล้ายกับ Photoshop พอสมควร แต่ฟังก์ชั่นหลาย ๆ อย่างนั้น การใช้งานมีความแตกต่างพอสมควรเลย
นอกจากนี้! Clip Studio Paint สามารถสร้าง Brush ได้อย่างง่าย ๆ และมีให้โหลดใช้อีกมากมาย ในส่วนของ Asset โดยมีทั้งแบบฟรีและใช้คลิปปี้ในการแลกบรัชนั้น ๆ มา (หรือง่าย ๆ ก็ต้องเสียเงินนั่นล่ะ) มีให้โหลดตั้งแต่ Brush ไปจนถึง 3D Model สำเร็จรูปด้วยนะ จะสะดวกสบายไปไหนล่ะเนี่ย!?!
มาต่อจากเรื่องที่ช่วยทำมังงะกันต่อ โปรแกรมคลิปสตูที่ว่าเนี่ย ทำให้การทำมังงะมันสะดวกสบายขึ้นจริงหรือจ้อจี้? คำตอบคือ จริง ๆ ไม่ติงนังเลยล่ะ เพราะมีเครื่องมือช่วยวาดการ์ตูนมังงะ ที่ไม่เพียงแค่ช่วยแบ่งช่องการ์ตูน และแยกเลเยอร์อัตโนมัติ ยังสามารถปรับแต่งช่องได้อย่างอิสระ และมีเครื่องมือช่วยเหลือในการวาดการ์ตูนแทบครบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น การวาดเส้นสปีด การสร้างไม้บรรทัดช่วยเขียนมุม Perspective ช่องคำพูดและตัวหนังสือ โดย Clip Studio Paint วางขายในราคาประมาณ $49 (ในรุ่น Pro) และ $219 (ในรุ่น Ex) สำหรับเรทเงินบาทไทย เพื่อน ๆ ต้องไปเช็คอีกทีเนื่องจากมันจะขึ้น ๆ ลง ๆ ราคาไม่แน่นอนนะจ๊ะ นอกจากนี้ยังมีแพลนรายเดือนและรายปีสำหรับผู้ใช้บนสมาร์ตโฟนและ Ipad มาจนถึงบรรทัดนี้ คิดว่าเพื่อน ๆ หลายคนน่าจะหน้าถอดสีกันเล็กน้อยเพราะราคาที่สูง จับต้องยาก แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะ Clip Studio Paint มักจะมีโปรโมชั่นลดราคา 50 - 80% ออกมาอยู่บ่อย ๆ ตลอดปี สามารถติดตามได้ที่นี่
แต่ แต่ แต่!! หลาย ๆ คนน่าจะเคยเห็นข่าวอัพเดตล่าสุดจากทางผู้พัฒนาโปรแกรมคลิปสตูแล้วว่า ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป การซื้อและผู้ใช้แบบ one-time purchase จะมีค่าใช้จ่ายในการซื้ออัพเดตเวอร์ชั่นของโปรแกรม ซึ่งปกติแล้วการอัพเดตต่าง ๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่พอใจและมีการถกเถียงมากมาย จนผู้พัฒนาต้องออกมาอธิบายเพิ่มเติม โดยการอัพเดตต่อจากนี้ จะขึ้นอยู่กับผู้ใช้ ไม่ได้มีการบังคับว่าจะต้องอัพเดตกันทุกคน ฉะนั้น การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้จะส่งผลดีหรือกลายเป็นผลกระทบ มาติดตามไปพร้อม ๆ กันนะจ๊ะ
เป็นยังไงกันบ้าง กับ 3 โปรแกรมวาดรูปบนคอมสุดฮิต ที่เพื่อน ๆ น่าจะคุ้นหน้าคุนตากันมาไม่น้อย หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักภาพรวม และเห็นถึงความแตกต่างของโปรแกรมทั้ง 3 นี้ไม่มากก็น้อย
และสำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่ แล้วตกลงโปรแกรมไหนมันดีที่สุดล่ะ เราก็มีตารางสรุปง่าย ๆ มาให้แล้ว
สำหรับหัวข้อต่อไปจะเป็นอะไร รอติดตามได้เล้ย
แล้วพบกันใหม่นะ!
💛KP Learning Space
Explore the Artist in you.
Comments